รีวิว Forbidden Ground (2013) สมรภูมิเดือด

“เมื่อสนามรบกลายเป็นกับดักกลางโคลนและเสียงปืน…
สามนายทหารต้องเลือกระหว่างเดินหน้า หรือตายกลางทาง” —
Forbidden Ground (2013) คือภาพยนตร์สงครามที่เล่าเรื่องของความสิ้นหวัง ความกล้า และการเอาชีวิตรอดในช่วงเวลาที่แทบไม่มีความหวัง.

ข้อมูลเบื้องต้น

  • ชื่ออังกฤษ: Forbidden Ground
  • ชื่อไทย: สมรภูมิเดือด
  • ผู้กำกับ: Johan Earl และ Adrian Powers
  • เขียนบท: Johan Earl, Denai Gracie, Travis Spiteri
  • นำแสดงโดย: Johan Earl, Tim Pocock, Martin Copping
  • แนวภาพยนตร์: สงคราม / ดราม่า / เอาตัวรอด
  • ปีที่ฉาย: 2013
  • ประเทศ: ออสเตรเลีย
  • ความยาว: ประมาณ 95 นาที
  • คะแนน IMDb (โดยประมาณ): 4.9 / 10

เรื่องย่อ (ไม่สปอยล์หนัก)

ในปี 1916 ฝรั่งเศสบนแนวหน้าแห่งสงครามโลกครั้งที่ 1
หลังจากการจู่โจมที่ล้มเหลวในแนวรบของฝ่ายพันธมิตร สามนายทหารอังกฤษพบว่าตัวเองติดอยู่กลาง “เขตไม่มีใครเป็นเจ้าของ” (No Man’s Land)
พวกเขา — นายพลเวอร์หน้าที่, พลทหารโอ’ลีรี และพลจ๊อกกิ้ง — ต่างประสบกับบาดแผล ความหิวโหย และเสียงปืนที่ทุกชั่วโมงคือความตาย
ขณะที่กระสุนและเสียงแตรร้องเตือนว่า “การโจมตีครั้งใหญ่” จะเริ่มในไม่ช้า พวกเขาจึงต้องหาหนทางกลับแนวทัพ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป.


สปอยล์เนื้อเรื่องแบบละเอียด

สามนายทหารถูกทิ้งไว้กลางโคลน กลางฝน หนาว และความสิ้นหวัง
หนึ่งในนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส พลจ๊อกกิ้งเสียขา ขณะที่เสียงประทุของระเบิดและการโจมตีด้วยปืนกลใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
พวกเขาต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่โหดร้าย — จะรอให้ถูกช่วย หรือจะใช้แรงที่เหลือในคืนหนึ่งเดินกลับแนวทัพ
ท่ามกลางเสียงหายใจคว่ำ เสียงร้องของเพื่อน และภาพของเพื่อนร่วมรบที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง.

เมื่อพวกเขาเริ่มก้าวไป แม้แต่เสียง “เชลยสงคราม” ฝั่งศัตรูยังคอยจับตา
ในวินาทีสุดท้าย พลทหารโอ’ลีรีสละชีวิตเพื่อให้ผู้อื่นรอด ขณะที่นายทหารเวอร์หน้าที่ต้องฝังเพื่อนและลากศพผ่านโคลนสู่แสงเช้าวันใหม่
แต่ท้ายที่สุด — แม้จะมีผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งคน — บาดแผลทางจิตใจกลับลึกลึกยิ่งกว่าฝังในโคลนของสนามรบ.


บทวิจารณ์

จุดแข็ง:

  • การตั้งฉากและบรรยากาศของสนามรบ ใช้โคลน ฝน เสียงระเบิดเล็ก ๆ สร้างความกดดันได้อย่างแท้จริง
  • โครงเรื่องเน้น “การเอาตัวรอด” มากกว่าฉากสงครามแบบยิ่งใหญ่ ทำให้มีมิติทางอารมณ์
  • แรงบันดาลใจจากประวัติศาสตร์และการตั้งคำถามถึง “ความหมายของวีรชน” ในสนามรบ

จุดอ่อน:

  • งานผลิตงบประมาณต่ำชัดเจน CGI และฉากระเบิดบางส่วนดูไม่สมจริง
  • ตัวละครบางตัวไม่ได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ทำให้ความสัมพันธ์และอารมณ์บางช่วงขาดแรงส่ง

โดยรวม Forbidden Ground เป็นหนังสงครามที่อยากพูดเรื่อง “คนธรรมดาในสงคราม” มากกว่าฮีโร่
แม้อาจไม่ใช่หนังสงครามที่สมบูรณ์แบบ แต่ก็เป็นบททดสอบทางอารมณ์ที่ไม่เหมือนใคร
สำหรับผู้ชมที่อยากเห็นด้าน “รอยแผล” ของสงครามมากกว่าฉากแอ็กชันยิ่งใหญ่.


ตัวอย่างภาพยนตร์จาก YouTube

ที่มา: YouTube – Forbidden Ground (2013) Official Trailer


สรุป

สมรภูมิเดือด คือภาพยนตร์ที่พาเข้าสู่ “เขตหายนะ” แบบที่ผู้รอดชีวิตต้องจดจำตลอดชีวิต
ไม่ได้พูดถึงชัยชนะ แต่พูดถึง “การอยู่ให้รอด”
เหมาะกับผู้ชมที่พร้อมจะเจ็บปวด และเตรียมใจรับว่า…
แม้จะรอดมาได้ แต่บางสิ่งในตัวจะไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิม.

Author: zeenia

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *